ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาอิฐมวลเบา

• ยี่ห้อ: ยี่ห้อที่รู้จักกันดี มักมีราคาสูงกว่า
• คุณสมบัติ: อิฐที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น กันความร้อน กันเสียง กันไฟ จะมีราคาสูงกว่า
• ขนาด: อิฐที่มีขนาดใหญ่ หนา จะมีราคาสูงกว่า
• จำนวน: ซื้อจำนวนมาก มักได้ราคาต่อหน่วยถูกลง
• ร้านค้า: แต่ละร้านอาจตั้งราคาขายต่างกัน

ข้อดีของอิฐมวลเบา

• น้ำหนักเบา: ช่วยลดน้ำหนักโครงสร้าง ประหยัดค่าโครงสร้าง
• ก่อสร้างรวดเร็ว: ขนาดใหญ่ ทำงานง่าย ช่วยให้ก่อสร้างเสร็จเร็ว
• กันความร้อน: เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น ประหยัดค่าไฟ
• กันเสียง: เหมาะกับบ้านที่ต้องการความเงียบสงบ
• ทนทาน: มีอายุการใช้งานยาวนาน
• ทนไฟ: ทนไฟได้ดี
• เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล

ข้อเสียของอิฐมวลเบา

• ราคา: แพงกว่าอิฐมอญ
• ความเปราะบาง: ต้องการความระมัดระวังในการขนส่งและติดตั้ง
• การฉาบ: ต้องใช้ ปูนฉาบมวลเบาและวิธีการฉาบเฉพาะ
• การรับน้ำหนัก: รับน้ำหนักได้น้อยกว่าอิฐมอญ เหมาะกับผนังที่ไม่รับน้ำหนักมาก

คำแนะนำในการเลือกซื้ออิฐมวลเบา

• เลือกประเภทให้เหมาะกับการใช้งาน:
  • AAC เหมาะกับงานทั่วไป ต้องการความแข็งแรง กันความร้อน กันเสียง
  • NAAC เหมาะกับงานที่ต้องการประหยัดงบ ไม่เน้นคุณสมบัติพิเศษ
• เลือกขนาดให้เหมาะกับงาน:
  • ผนังหนา 10 ซม. เหมาะกับผนังภายใน
  • ผนังหนา 12.5 ซม. เหมาะกับผนังภายนอก
  • ผนังหนา 15 ซม. เหมาะกับผนังที่รับน้ำหนักมาก
• เลือกยี่ห้อที่เชื่อถือได้:
  • เลือกยี่ห้อที่มีมาตรฐาน มั่นใจในคุณภาพ
  • ตรวจสอบรีวิวจากผู้ใช้งานจริง
• เปรียบเทียบราคาจากหลายๆ ร้าน:
  • เลือกร้านที่ขายในราคาที่เหมาะสม
  • ตรวจสอบโปรโมชั่นและส่วนลด
• คำนวณจำนวนอิฐที่ต้องการใช้:
  • ซื้อเผื่อไว้สำหรับเศษวัสดุ
  • ตรวจสอบสต๊อกสินค้ากับร้านค้า

การติดตั้งอิฐมวลเบา

• ควรจ้างช่างผู้ชำนาญ
• ศึกษาคู่มือการติดตั้งอย่างละเอียด
• ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม
• ระวังการแตกร้าว

ตัวอย่างการใช้งานอิฐมวลเบา

• ผนังกั้นห้อง
• ผนังภายนอก
• ผนังภายใน
• ฉากกั้นห้องน้ำ
• พื้นสำเร็จรูป

สรุป

อิฐมวลเบาเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีข้อดีหลายประการ เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นในประเทศไทย แต่มีราคาสูงกว่าอิฐมอญ ผู้ใช้ควรเลือกประเภท ขนาด ยี่ห้อ และร้านค้าอย่างชาญฉลาด ชั่งน้ำหนักทุกปัจจัยก่อนตัดสินใจ