อิฐมวลเบา วัสดุก่อสร้างยุคใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ เหมาะสำหรับงานก่อสร้างที่ต้องการความรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย และที่สำคัญคือช่วยสร้างบ้านเย็นสบาย ประหยัดพลังงาน
เลือกอ่าน
อิฐมวลเบาคืออะไร?
อิฐมวลเบา (Lightweight Concrete Block) เป็นวัสดุก่อสร้างประเภทคอนกรีตมวลเบา ผลิตจากปูนซีเมนต์ ทราย หินภูเขาไฟ เถ้าลอย และสารเพิ่มฟองอากาศ ทำให้เนื้ออิฐมีฟองอากาศขนาดเล็กจำนวนมาก ส่งผลให้น้ำหนักเบากว่าอิฐทั่วไปถึง 60-70%
5 คุณสมบัติเด่นของอิฐมวลเบา
1. น้ำหนักเบา:
อิฐมวลเบามีน้ำหนักเบากว่าอิฐทั่วไป ช่วยให้การก่อสร้างสะดวกรวดเร็ว ประหยัดเวลาและค่าแรงช่าง
2. กันความร้อน:
ฟองอากาศภายในอิฐมวลเบาทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อน ช่วยให้บ้านเย็นสบาย ประหยัดค่าไฟ
3. ดูดซับเสียง:
อิฐมวลเบาสามารถดูดซับเสียงได้ดี ช่วยให้บ้านเงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อน
4. ทนไฟ:
อิฐมวลเบาทนไฟได้นานกว่า 4 ชั่วโมง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้าน
5. ประหยัดค่าใช้จ่าย:
อิฐมวลเบาช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งค่าวัสดุ ค่าแรงช่าง และค่าไฟ
ประเภทของอิฐมวลเบา
อิฐมวลเบาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้
- อิฐมวลเบาชนิด Autoclaved Aerated Concrete (AAC) : ผลิตโดยผ่านกระบวนการอบไอน้ำที่มีความดันสูง ทำให้เนื้ออิฐมีความแข็งแรงสูง เหมาะกับงานก่อสร้างที่ต้องการความแข็งแรงทนทาน เช่น ผนังรับน้ำหนัก
- อิฐมวลเบาชนิด Non-Autoclaved Aerated Concrete (NAAC) : ผลิตโดยไม่ผ่านกระบวนการอบไอน้ำ เนื้ออิฐมีความหนาแน่นน้อยกว่า AAC เหมาะกับงานก่อสร้างที่ต้องการความรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น ผนังกั้นห้อง
ข้อควรระวังในการใช้อิฐมวลเบา
- อิฐมวลเบาเป็นวัสดุที่ดูดซับความชื้นได้ง่าย จึงควรทาหรือพ่นน้ำยากันซึมบนผิวผนัง
- การก่อสร้างผนังด้วยอิฐมวลเบาควรใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น ปูนก่ออิฐมวลเบา และ ตาข่ายเหล็กเสริมแรง
- ควรศึกษาข้อมูลและเลือกใช้อิฐมวลเบาให้เหมาะสมกับงานก่อสร้าง
สรุป
อิฐมวลเบาเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีคุณสมบัติโดดเด่นหลายประการ เหมาะกับงานก่อสร้างยุคใหม่ ช่วยให้การก่อสร้างสะดวกรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย และสร้างบ้านเย็นสบาย ประหยัดพลังงาน
อิฐมวลเบาเป็นวัสดุก่อสร้างประเภทคอนกรีตมวลเบา ผลิตจากปูนซีเมนต์ ทราย หินภูเขาไฟ เถ้าลอย และสารเพิ่มฟองอากาศ ทำให้เนื้ออิฐมีฟองอากาศขนาดเล็กจำนวนมาก ส่งผลให้น้ำหนักเบากว่าอิฐทั่วไปถึง 60-70%
- น้ำหนักเบา: ช่วยให้การก่อสร้างสะดวกรวดเร็ว ประหยัดเวลาและค่าแรงช่าง
- กันความร้อน: ฟองอากาศภายในอิฐมวลเบาทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อน ช่วยให้บ้านเย็นสบาย ประหยัดค่าไฟ
- ดูดซับเสียง: อิฐมวลเบาสามารถดูดซับเสียงได้ดี ช่วยให้บ้านเงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อน
- ทนไฟ: อิฐมวลเบาทนไฟได้นานกว่า 4 ชั่วโมง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้าน
- ประหยัดค่าใช้จ่าย: อิฐมวลเบาช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งค่าวัสดุ ค่าแรงช่าง และค่าไฟ
อิฐมวลเบาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้
- อิฐมวลเบาชนิด Autoclaved Aerated Concrete (AAC): ผลิตโดยผ่านกระบวนการอบไอน้ำที่มีความดันสูง ทำให้เนื้ออิฐมีความแข็งแรงสูง เหมาะกับงานก่อสร้างที่ต้องการความแข็งแรงทนทาน เช่น ผนังรับน้ำหนัก
- อิฐมวลเบาชนิด Non-Autoclaved Aerated Concrete (NAAC): ผลิตโดยไม่ผ่านกระบวนการอบไอน้ำ เนื้ออิฐมีความหนาแน่นน้อยกว่า AAC เหมาะกับงานก่อสร้างที่ต้องการความรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น ผนังกั้นห้อง
- อิฐมวลเบาเป็นวัสดุที่ดูดซับความชื้นได้ง่าย จึงควรทาหรือพ่นน้ำยากันซึมบนผิวผนัง
- การก่อสร้างผนังด้วยอิฐมวลเบาควรใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น ปูนก่ออิฐมวลเบา และตาข่ายเหล็กเสริมแรง
- ควรศึกษาข้อมูลและเลือกใช้อิฐมวลเบาให้เหมาะสมกับงานก่อสร้าง
อิฐมวลเบาเหมาะกับงานก่อสร้างหลายประเภท เช่น
- บ้านพักอาศัย
- อาคารพาณิชย์
- โรงงาน
- โกดังสินค้า
- ผนังกันห้อง
- ผนังรับน้ำหนัก
- ราคามาตรฐานของอิฐมวลเบาจะอยู่ที่ประมาณ 28-80 บาทต่อก้อน ขึ้นอยู่กับขนาด ระยะทางที่ขนส่ง และยี่ห้อ