1. วางแผนงานอย่างละเอียด:
ก่อนอื่น คุณต้องกำหนดขอบเขตงานให้ชัดเจน ว่าต้องการให้ผู้รับเหมาทำอะไรบ้าง ระบุวัสดุอุปกรณ์ เช่น ประตูอัตโนมัติ, พื้นไวนิลหรือพื้น SPC, เฟอร์นิเจอร์ และรายละเอียดอื่นๆ ให้ครบถ้วน เขียนเป็นสัญญาที่ชัดเจน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันหรือไม่
2. เลือกผู้รับเหมาที่น่าเชื่อถือ:
คัดเลือกผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์ ลองตรวจสอบผลงานเก่าๆ ของเขาดูครับ และลองเปรียบเทียบราคาและข้อเสนอจากหลายๆ บริษัท พูดคุยสอบถามรายละเอียดให้ละเอียด ถามถึงทีมงาน วัสดุที่จะใช้ วิธีการทำงาน และระยะเวลาดำเนินการอันนี้จะช่วยได้เยอะอยู่
3. ติดตามความคืบหน้าของงานอย่างใกล้ชิด:
กำหนดตารางการตรวจสอบงานเป็นประจำ พูดคุยกับผู้รับเหมาเพื่อติดตามความคืบหน้า ตรวจสอบคุณภาพงาน วัสดุ อุปกรณ์ และความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน ตรวจสอบไปเลยครับเพราะมันคือสิทธิ์ของผู้ว่าจ้าง
4. ควบคุมงบประมาณอย่างเคร่งครัด:
แบ่งจ่ายเงินมัดจำและเงินงวดตามตารางที่กำหนดไว้ในสัญญา ตรวจสอบใบเสร็จรับเงิน รายการค่าใช้จ่าย เอกสารประกอบต่างๆ อย่างละเอียด เก็บหลักฐานไว้เป็นหลักฐาน ผู้รับเหมาที่เรียกมัดจำเยอะเกินความจำเป็นอันนี้เราต้องพิจารณาเอง ประเมินดูว่าเค้าเรียกเยอะเกินไปหรือเปล่า
5. สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ:
สื่อสารกับผู้รับเหมาอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา พูดคุยกันตรงๆเมื่อเกิดปัญหาหรือข้อสงสัย อย่าปล่อยไปจนยากที่จะแก้ พอแก้แล้วงบจะบานไปอีก หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหัน
เทคนิคเพิ่มเติม:
- จ้างวิศวกรหรือผู้ควบคุมงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ
- ทำประกันภัยสำหรับงานก่อสร้าง
- เก็บหลักฐานเอกสารต่างๆ ไว้เป็นหลักฐาน
- ศึกษากฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
- เผื่อเวลาและงบประมาณสำรองไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน
ตัวอย่างเอกสาร:
- สัญญาจ้างผู้รับเหมา
- แบบแปลนงานก่อสร้าง
- รายการวัสดุ อุปกรณ์ และเฟอร์นิเจอร์
- ตารางการตรวจสอบงาน
- ใบเสร็จรับเงิน รายการค่าใช้จ่าย เอกสารประกอบต่างๆ
ผลลัพธ์การควบคุมผู้รับเหมา:
การควบคุมงานผู้รับเหมาอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้โครงการของคุณเสร็จตามกำหนด งบประมาณไม่บานปลาย ผลงานตรงตามความต้องการ และสร้างความพึงพอใจให้กับทุกฝ่าย
หมายเหตุ:
เทคนิคเหล่านี้เป็นเพียงแนวทางคร่าวๆ คุณควรปรับใช้ให้เหมาะสมกับโครงการของคุณ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้โครงการของคุณสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี